วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ผลการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย


ผลการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย





6 พ.ค.56 พรรคแนวร่วมแห่งชาติ ซึ่งนำโดยพรรคอัมโนคว้าชัยชนะเลือกตั้งทั่วไป ส่งผลนายนาจิบ ราซัก จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีมาเลเซียอีกสมัย หลังขณะนี้คว้าที่นั่งในสภาได้แล้ว 133 ที่นั่ง

ผลเลือกตั้งทั่วไปมาเลเซียวานนี้ที่ผ่านมา ผลล่าสุดปรากฎว่า พรรคแนวร่วมแห่งชาติ นำโดยนายนาจิบ ราซักวัย 59 ปี คว้าที่นั่งในสภาได้ 133 ที่่นั่ง ซึ่งมากกว่ากึ่งหนึ่งของที่นั่งทั้งหมด 222 ที่นั่ง  ขณะที่นายอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำจากพรรคฝ่ายค้านได้เพียง 89 ที่นั่งเท่านั้น โดยผลการเลือกตั้งดังกล่าวมีแนวโน้มว่า นายนาจิบ จะขึ้นเป็นผู้นำมาลาเซียต่ออีกสมัย
คณะกรรมการเลือกตั้งชาติมาเลเซีย เปิดเผยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ มีประชาชนเดินทางมาใช้สิทธิประมาณ ร้อยละ80 หรือคิดเป็นจำนวน 10 ล้านคน จากทั้งหมด 13 ล้านคน ใน 8,000 หน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศ 
นายราซัก กล่าวกับผู้สนับสนุนในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ว่า  นี่เป็นการตัดสินใจของประชาชน ทุกคนควรยอมรับชัยชนะของพรรครัฐบาลครั้งนี้ โดยพวกเราควรแสดงให้โลกรู้ว่า มาเลเซียมีประชาธิปไตยที่สมบรูณ์
ขณะที่นายอันวาร์ ปฎิเสธยอมรับความพ่ายแพ้ พร้อมกล่าวหาเจ้าหน้าที่ว่า โกง และบิดเบือนผลเลือกตั้ง โดยเฉพาะ ก่อนหน้านี้ ที่รัฐบาลให้เงินสนับสนุนเครื่องบินเช่าเหมาลำขนคนมาลงคะแนนในรัฐสำคัญ รวมถึงมีการใช้หมึกพิเศษที่สามารถลบออกได้ ทำให้มีการสวมสิทธิเกิดขึ้น

นอกจากนี้ องค์กรอิสระที่ตรวจสอบเลือกตั้ง เปิดเผยว่า  มีการออกเอกสารบัตรประชาชนให้คนต่างด้าวลงคะแนนเสียง ขณะที่ฮิวแมนไรท์ วอช ของสหรัฐฯ ระบุว่าก่อนหน้าลงคะแนน มีการโจมตีสำนักข่าวอิสระท้องถิ่นในประเทศ
ทั้งนี้ ชัยชนะของพรรคอัมโนดังกล่าาวถือเป็นครั้งที่  13 ติดต่อกัน  หลังผูกขาดอำนาจเป็นรัฐบาลมาตั้งแต่ที่มาเลเซียประกาศเอกราชจากประเทศอังกฤษเมื่อปี  2500  ซึ่งเหล่าบรรดานักวิเคราะห์คาดว่า พรรคร่วมรัฐบาลจะเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่จากฝ่ายค้าน 
สำหรับประวัติของนายนาจิบราซักว่าที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเป็นบุตรชายคนโตของนายอับดุลราซักอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่2ของมาเลเซีย จบการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์อุตสาหกรรม จากมหาวิทยาลัยน็อตติงแฮม ประเทศอังกฤษ
ต่อมาปี 2517 นายนาจิบเดินทางกลับประเทศ และเข้าทำงานที่บริษัทน้ำมันปิโตรนาสอยู่สักพัก จากนั้นไม่นาน พ่อของนายนาจิบถึงแก่อสัญกรรมอย่างกระทันหัน  ส่งผลให้ตำแหน่งที่นั่งสภาว่างลง 
นายนาจิบ  ตัดสินใจเลงเล่นการเมือง และได้เป็นสมาชิกรัฐภาที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยในขณะนั้นมีอายุเพียง 23 ปีเท่านั้น ในปี 2552 นายนาจิบ มีโอกาสขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเป็นครั้งแรกเนื่องจากนายอับดุลละห์ บาดาวี นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นลาออก





          เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้เดินทางไปเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านตวนกู อับดุล ฮาลิม มูอัซซอม ชาห์ ณ พระบรมมหาราชวัง ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อทำพิธีสาบานตนและถวายสัตย์ปฏิญาณ รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 อย่างเป็นทางการแล้ว
















ฝ่ายค้านมาเลเซียประกาศไม่ยอมรับผลเลือกตั้ง


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ว่า แม้พรรคร่วมรัฐบาลมาเลเซียภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค จะเป็นฝ่ายชนะในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 5 พ.ค. คงอำนาจต่อเนื่องเป็นปีที่ 56 แต่นายอันวาร์ อิบราฮิม หัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้าน ประกาศยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ โดยเชื่อว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น

  ขณะที่อันวาร์ วัย 65 ปี ปฏิเสธยอมรับความพ่ายแพ้ พร้อมกับประณามการเลือกตั้งครั้งนี้ ว่าเต็มไปด้วยการทุจริต ดังนั้น ผลคะแนนที่ออกมาจึงไม่มีความโปร่งใส่พอ แม้ปากาตัน รัคยัต จะได้ที่นั่งเพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ 5 ปีก่อนถึง 14 ที่นั่งก็ตาม แต่ก็ต้องสูญเสียที่นั่ง 1 ใน 4 รัฐที่เคยแย่งชิงมาจากฝ่ายรัฐบาล กลับคืนไปให้นาจิบในการเลือกตั้งครั้งนี้ ทั้งนี้ มาเลเซียแบ่งการปกครองออกเป็น 13 รัฐ
ผลการนับคะแนนเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ระบุว่า พรรคร่วมรัฐบาแนวร่วมแห่งชาติ” 13 พรรค ที่นำโดยพรรคองค์การสหมาเลย์แห่งชาติ ( อัมโน ) ของนาจิบ สามารถคว้าที่นั่งในรัฐสภาได้ถึง 133 ที่นั่ง จาก 222 ที่นั่ง ขณะที่พรรคแนวร่วม ปากาตัน รัคยัตหรือพรรคแนวร่วมฝ่ายค้าน 3 พรรค นำโดยพรรคความยุติธรรมปวงชน ( พีเคอาร์ ) ของอันวาร์ ได้ไป 89 ที่นั่ง โดยมีผู้มาใช้สิทธิ์ลงคะแนนมากถึง 10 ล้านคน จากทั้งหมด 13 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 80 ซึ่งสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
ทว่านาจิบถือเป็นนายกรัฐมนตรีมาเลเซียคนแรกในประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ประเทศได้รับเอกราชจากอังกฤษ เมื่อปี 2500 ที่ได้รับคะแนนนิยมประชาชนน้อยกว่าผู้สมัครจากพรรคแนวร่วมฝ่ายค้าน คือ 5.22 ต่อ 5.48 ล้านคะแนน อย่างไรก็ตาม ผู้นำมาเลเซียวัย 59 ปี ประกาศชัยชนะและขอให้ทุกฝ่ายยอมรับผลการเลือกตั้งที่ออกมา ที่เป็นการตัดสินใจโดยบริสุทธิ์ของประชาชน เพื่อความปรองดองและสมานฉันท์ในอนาค
ด้านนายเจมส์ ชิน ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา ในสิงคโปร์ แสดงทรรศนะเกี่ยวกับการเลือกตั้งของมาเลเซียครั้งนี้ว่า เป็นการต่อสู้กันอย่างสูสีที่สุด เนื่องจากนอกเหนือจากแรงกดดันภายนอกแล้ว ทั้งนาจิบและอันวาร์ต่างต้องเผชิญแรงเสียดทานภายในพรรคไม่แพ้กัน โดยนาจิบต้องการแย่งชิงที่นั่งที่เสียไปเมื่อปี 2551 กลับคืนมาให้ได้มากที่สุด เพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่นจากสมาชิกพรรค ซึ่งแม้จะทำไม่ได้ แต่อย่างน้อยพรรครัฐบาลก็ยังคงครองเสียงข้างมาก
อันวาร์จึงดูเหมือนเป็นฝ่ายตกที่นั่งลำบากมากกว่า และอาจถึงขั้นต้องอำลาเส้นทางการเมือง หลังประกาศชัดก่อนหน้านี้ว่า จะลาออกจากการเป็นหัวหน้าของปากาตัน รัคยัต หากเป็นฝ่ายพ่ายแพ้การเลือกตั้ง





ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง
84.84%

พรรคที่หนึ่ง
พรรคที่สอง

ผู้นำ
พรรค
ผู้นำตั้งแต่
เมษายน 2552
28 สิงหาคม 2551
ที่นั่งผู้นำ
ผลครั้งที่แล้ว
140 ที่นั่ง, 50.27%
82 ที่นั่ง, 46.75%
ที่นั่งที่ได้
133
89
เปลี่ยนแปลง
 7
 7
คะแนนเสียง
5,237,699
5,623,984
ร้อยละ
47.38%
50.87%
Swing
 2.89%
4.12%